"รักษาอาการปวดท้องน้อย ปวดประจำเดือน ที่โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์ "

1. โรคทางนรีเวชและระบบสืบพันธุ์

  • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
  • ภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญอยู่นอกมดลูก ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนรุนแรง ปวด ท้องน้อยเรื้อรัง และอาจมีภาวะมีบุตรยากร่วม ด้วย
  • พังผืดในอุ้งเชิงกราน (Pelvic Adhesions) อาจเกิดจากการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน หรือเคยผ่านการผ่าตัดมาก่อน ส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรังจากเนื้อเยื่อที่ยึดติดกัน
  • เนื้องอกมดลูก (Fibroids) : เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงที่พบได้บ่อย อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อย ประจำเดือนมามาก และความรู้สึกแน่นท้อง
  • โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง (Chronic Pelvic Inflammatory Disease - PID) การติดเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์ อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังและพังผืด
  • ภาวะปวดอุ้งเชิงกรานจากหลอดเลือดขอด (Pelvic Congestion Syndrome - PCS) หลอดเลือดดำบริเวณอุ้งเชิงกรานขยายตัวผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง


2. โรคในระบบอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง


  • ภาวะต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรัง (Chronic Prostatitis/Chronic Pelvic Pain Syndrome - CP/CPPS) พบในผู้ชาย อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดขณะปัสสาวะ หรือปวดร้าวไปที่อวัยวะเพศและขาหนีบ
  • โรคในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง นิ่วในไต หรือโรคกรวยไตอักเสบ
  • โรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น กลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน (IBS) หรือโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD)
  • ปัญหาทางระบบประสาท (Nerve Entrapment Syndromes) เช่น Ilioinguinal, Iliohypogastric,
  • Genitofemoral Neuropathy เส้นประสาท เหล่านี้อาจถูกกดทับจากการผ่าตัดบริเวณหน้า ท้อง การตั้งครรภ์ หรือการอักเสบ ทำให้เกิด อาการปวดบริเวณท้องน้อยและขาหนีบ Pudendal Nerve Entrapment (PNE) ภาวะที่เส้นประสาท Pudendal ถูกกดทับ ส่ง ผลให้เกิดอาการปวดในอุ้งเชิงกราน ปวดร้าวไป
  • ยังอวัยวะเพศ และอาจมีปัญหาด้านการขับถ่าย
  • หรือทางเพศสัมพันธ์


การวินิจฉัย


  1. แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจแนะนำการตรวจเพิ่มเติม เช่น:
  2. การตรวจภายในหรือการตรวจต่อมลูกหมาก เพื่อตรวจหาความผิดปกติของมดลูก รังไข่ หรือ ต่อมลูกหมาก
  3. อัลตราซาวนด์ช่องท้องและทางช่องคลอด (Pelvic Ultrasound) เพื่อตรวจหาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอก หรือถุงน้ำรังไข่
  4. การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก (Hysteroscopy) หรือการส่องกล้องทางหน้าท้อง (Laparoscopy) เพื่อตรวจหาพยาธิสภาพที่ไม่สามารถเห็นได้จากอัลตราซาวนด์
  5. MRI หรือ CT Scan ในกรณีที่มีอาการซับซ้อนและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
  6. Nerve Block Test เพื่อตรวจว่าปวดเกิดจากเส้นประสาทที่ถูกกดทับหรือไม่


แนวทางการรักษาอาการปวดท้องน้องเรื้อรัง


1. การใช้ยา


  • ยาแก้ปวด เช่น NSAIDs (Ibuprofen, Naproxen) หรือ Acetaminophen
  • ยาฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน หรือ GnRH agonists สำหรับภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
  • ยาต้านอาการปวดจากระบบประสาท (Neuropathic Pain Medications) เช่น Pregabalin, Mirogabalin
  • ยาต้านเศร้า (Antidepressants) เช่น Tricyclic Antidepressants (TCAs), Duloxetine เพื่อช่วยลดอาการปวดจากระบบประสาท


2. การรักษาโดยไม่ใช้ยา


  • การทำกายภาพบำบัดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
  • การฝังเข็มและโยคะเพื่อลดความเครียดและบรรเทาอาการปวด
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร และการจัดการความเครียด


3. การรักษาด้วยหัตถการระงับปวด (Pain Intervention)


  • Trigger Point Injection ฉีดยาชาเพื่อลดอาการปวดจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
  • Nerve Block Injection ฉีดยาชาเข้าเส้นประสาทที่เกี่ยวข้อง เช่น Ilioinguinal, Iliohypogastric, Genitofemoral, และ Pudendal Nerve Block
  • Radiofrequency Ablation (RFA) ใช้คลื่นวิทยุทำลายเส้นประสาทที่นำความรู้สึกปวดเรื้อรัง


การรักษาที่ดีที่สุดคือการรักษาที่สาเหตุ


อาการปวดท้องน้อยเรื้อรังเป็นภาวะที่ซับซ้อนและต้องอาศัยการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำเพื่อให้สามารถรักษาที่ต้นเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีอาการที่รบกวนชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการดูแลที่เหมาะสม ซึ่ง รพ. เซเปี้ยนซ์ มีทั้งเทคนิคการตรวจสอบหาสาเหตุของอาการ ส่องกล้องตรวจ และการรักษาด้วยเทคนิคที่หลากหลายและความเสี่ยงต่ำ

นพ. อาณัติ อุดมศักดิ์ หมอ สูตินรีเวช นัดแพทย์
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy