อาการปวดท้องเรื้อรังสามารถเกิดจากสาเหตุต่างๆ ได้แก่:
โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ (Peptic Ulcer Disease) เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารทำให้เกิดแผล มีอาการปวดแสบกลางท้อง โดยเฉพาะเวลาท้องว่าง
โรคกรดไหลย้อน (GERD) มีอาการแสบร้อนกลางอก ปวดแน่นท้อง และมักเกิดร่วมกับอาการเรอเปรี้ยว
โรคลำไส้แปรปรวน (IBS - Irritable Bowel Syndrome) มีอาการปวดเกร็งท้อง สัมพันธ์กับพฤติกรรมการขับถ่าย
ภาวะลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD - Inflammatory Bowel Disease) เช่น Crohns Disease และ Ulcerative Colitis ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสียเรื้อรัง และน้ำหนักลด
นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones) ทำให้เกิดอาการปวดท้องด้านขวาบนหลังรับประทานอาหารไขมันสูง
Abdominal Cutaneous Nerve Entrapment Syndrome (ACNES) เป็นภาวะที่เส้นประสาทบริเวณผนังหน้าท้องถูกกดทับ ทำให้เกิดอาการปวดจุดเฉพาะที่ มักปวดแบบแสบหรือจี๊ดๆ
Myofascial Pain Syndrome ในกล้ามเนื้อหน้าท้อง เกิดจากจุดกดเจ็บ (Trigger Points) ในกล้ามเนื้อ ทำให้ปวดร้าวไปยังบริเวณอื่น
Neuropathic Pain อาการปวดที่เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาท เช่น หลังการผ่าตัดช่องท้อง หรือจากโรคเบาหวาน
นิ่วในไต (Kidney Stones) ทำให้เกิดอาการปวดบีบที่บริเวณเอวหรือช่องท้องด้านข้าง และอาจร้าวลงไปถึงขาหนีบ
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection - UTI) อาจทำให้เกิดอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อยหรือเอวร่วมกับปัสสาวะแสบขัด
กระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง (Interstitial Cystitis) ทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง โดยเฉพาะขณะปัสสาวะ
ภาวะกรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis) ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณหลังส่วนล่างหรือด้านข้างของช่องท้อง ร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น
โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) พบในผู้หญิง อาจมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดประจำเดือนรุนแรง
ภาวะไส้เลื่อน (Hernia) ทำให้เกิดอาการปวดจากการกดทับของอวัยวะภายใน
มะเร็งในช่องท้อง เช่น มะเร็งตับอ่อน มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งรังไข่
การวินิจฉัยต้องอาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และการตรวจเพิ่มเติม เช่น:
การรักษาอาการปวดท้องเรื้อรังที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือการหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการและรักษาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่เพียงแค่บรรเทาอาการชั่วคราว หากอาการปวดไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม