แชร์

ปวดหลัง ทำยังไง? รวมแนวทางการรักษาที่โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์

อัพเดทล่าสุด: 8 เม.ย. 2025

     โอ้ยปวดหลัง ไม่ว่าเราจะนั่ง เดิน ลุกขึ้น ก็บ่นออกมาได้ทั้งวัน อาการนี้ที่หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันธรรมดา แต่รู้หรือไม่ว่าการปล่อยให้อาการปวดหลังเรื้อรังโดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้? วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความจักวิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและเข้าใจว่าเมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์ เพื่อช่วยให้คุณจัดการกับอาการปวดหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันไม่ให้อาการลุกลามจนกระทบต่อคุณภาพชีวิต


สาเหตุของอาการปวดหลังบ่อย

อาการปวดหลังเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย โดยสาเหตุของอาการปวดหลังนั้นมีได้หลากหลาย ตั้งแต่ปัญหาที่เกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงโรคที่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ การทำความเข้าใจถึงสาเหตุของอาการปวดหลังจะช่วยให้เราสามารถป้องกันและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้

สาเหตุทั่วไปของอาการปวดหลังที่พบบ่อย

  • กล้ามเนื้อหรือเอ็นอักเสบ : มักเกิดจากการใช้ท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน เช่น นั่งทำงานผิด ยกของหนักผิดวิธี หรือออกกำลังกายหักโหม ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังเกิดการตึงตัว อักเสบ และปวดเมื่อย
  • หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท : เกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนหรือโป่งออกมากดทับเส้นประสาท ส่งผลให้มีอาการปวดร้าวลงขา ชา หรืออ่อนแรง บางรายอาจมีอาการรุนแรงจนเคลื่อนไหวลำบาก
  • โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) : พบมากในผู้สูงอายุ เนื่องจากกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อสึกกร่อน เกิดการเสียดสีของกระดูก ส่งผลให้ปวดหลังเรื้อรัง โดยเฉพาะเมื่อเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนท่า
  • ความเครียดสะสม : ความเครียดทางจิตใจทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะบริเวณคอและหลัง หากปล่อยไว้ต่อเนื่องอาจกลายเป็นอาการปวดล้าเรื้อรัง

สาเหตุอื่นที่อาจไม่คาดคิด

  • ไตอักเสบหรือนิ่วในไต : อาการปวดบริเวณสีข้างหรือหลังส่วนล่างอาจเป็นสัญญาณของโรคไต โดยมักมีอาการอื่นร่วม เช่น ปวดปัสสาวะบ่อย มีไข้ หรือปัสสาวะเป็นเลือด
  • การติดเชื้อกระดูกสันหลัง : พบได้น้อยแต่รุนแรง เกิดจากเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายผ่านทางกระแสเลือดหรือบาดแผล ส่งผลให้มีอาการปวดหลังรุนแรง ไข้สูง และอ่อนเพลีย
  • โรคเกี่ยวกับมดลูกหรือต่อมลูกหมาก : ในผู้หญิงอาจสัมพันธ์กับภาวะมดลูกอักเสบ หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ส่วนผู้ชายอาจเกิดจากต่อมลูกหมากโตหรืออักเสบ ซึ่งทำให้ปวดหลังส่วนล่างได้

 

 อาการปวดหลังแบบไหนที่ต้องระวังและต้องพบแพทย์

      อาการปวดหลังที่ควรระวังและต้องพบแพทย์โดยเร็วมีหลายลักษณะ โดยเฉพาะอาการที่อาจบ่งชี้ถึงปัญหาร้ายแรง เช่น ปวดร้าวหรือชาลงขา ซึ่งอาจเกิดจากหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท หรือมีไข้ร่วมกับปวดหลังซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ โดยเบื้องต้นเมื่อเราเกิดอาการปวดหลังแล้วพบว่าหลังพักผ่อนอาการปวดไม่มีการทุเลา หรืออาจจะปวดรุนแรงหลังประสบอุบัติเหตุ หรือมีอาการปวดรุนแรงและต่อเนื่อง ที่มันส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันก็ควรปรึกษาแพทย์ ที่สำคัญ หากมีอาการปวดร่วมกับอาการทางระบบประสาท เช่น กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ หรือมีอาการอ่อนแรงที่ขา ควรรีบไปพบแพทย์หรือห้องฉุกเฉินทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะฉุกเฉินทางระบบประสาทที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน


การวินิจฉัยอาการปวดหลังที่โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์

เมื่อคุณมาพบแพทย์ด้วยอาการปวดหลัง สิ่งสำคัญที่สุดคือการค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุด โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์มีขั้นตอนการวินิจฉัยที่ครอบคลุมและละเอียด โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินอาการของคุณอย่างรอบด้าน ผ่านขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

การซักประวัติอย่างละเอียด

แพทย์จะใช้เวลาพูดคุยและสอบถามข้อมูลจากคุณอย่างละเอียด เพื่อเข้าใจลักษณะของอาการปวดและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาที่เริ่มมีอาการ ตำแหน่งที่ปวด ความรุนแรงของอาการ และสิ่งที่อาจกระตุ้นให้อาการแย่ลงหรือดีขึ้น รวมถึงประวัติการรักษาที่ผ่านมา ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์สามารถวางแนวทางการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมได้อย่างเหมาะสม

การตรวจร่างกายอย่างครอบคลุม

หลังจากการซักประวัติ แพทย์จะทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยสังเกตท่าทางการเดินและการเคลื่อนไหว ตรวจดูความผิดปกติของกระดูกสันหลัง ทดสอบการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท รวมถึงประเมินช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อต่างๆ การตรวจร่างกายจะช่วยให้แพทย์เห็นภาพรวมของปัญหาและวางแผนการตรวจเพิ่มเติมได้อย่างเหมาะสม

การตรวจทางห้องปฏิบัติการและภาพถ่ายทางการแพทย์

ในกรณีที่จำเป็น แพทย์อาจส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัยหรือตรวจหาสาเหตุที่ซ่อนเร้น เช่น การถ่ายภาพรังสีเพื่อดูความผิดปกติของกระดูก การตรวจด้วยเครื่อง MRI เพื่อดูรายละเอียดของเนื้อเยื่ออ่อนและเส้นประสาท หรือการตรวจเลือดเพื่อคัดกรองโรคทางระบบต่างๆ การตรวจเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้แม่นยำยิ่งขึ้น

การวินิจฉัยแยกโรคและการวางแผนการรักษา

เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว แพทย์จะทำการวิเคราะห์และวินิจฉัยสาเหตุของอาการปวดหลัง ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ปัญหากล้ามเนื้อตึง หมอนรองกระดูกเคลื่อน ไปจนถึงโรคกระดูกสันหลังเสื่อม การวินิจฉัยที่แม่นยำจะนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่เหมาะสม และช่วยให้คุณหายจากอาการปวดหลังได้


แนวทางการรักษาที่โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์

โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์มีแนวทางการรักษาอาการปวดหลังที่ครอบคลุมและเป็นระบบ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินอาการของผู้ป่วยแต่ละรายอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด โดยทั่วไป การรักษาจะแบ่งเป็นสองแนวทางหลัก คือ การรักษาแบบไม่ผ่าตัดและการรักษาแบบผ่าตัด ซึ่งจะพิจารณาตามความรุนแรงของอาการและสาเหตุของการปวดหลัง

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด

  • กายภาพบำบัด : ทีมนักกายภาพบำบัดของเราจะออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคลให้กับผู้ป่วยแต่ละราย โดยอาจรวมถึงการยืดกล้ามเนื้อ การใช้อัลตราซาวนด์ และเทคนิคอื่นๆ ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดและฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • การรักษาด้วยยา : แพทย์อาจพิจารณาสั่งจ่ายยาเพื่อบรรเทาอาการปวด เช่น ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาต้านการอักเสบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและสาเหตุของการปวดหลัง
  • การฉีดยาบรรเทาปวด : ในบางกรณี การฉีดยาเฉพาะจุด เช่น การฉีดสเตียรอยด์รอบเส้นประสาท อาจเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดเฉพาะที่
  • การรักษาทางเลือก : โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์ยังเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาทางเลือกที่ผ่านการรับรองทางการแพทย์ เช่น ไคโรแพรกติกและการฝังเข็ม ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้ในบางราย

การรักษาแบบผ่าตัด

ในกรณีที่อาการปวดหลังรุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัด แพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด โดยทางโรงพยาบาลมีทีมศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการผ่าตัดกระดูกสันหลังโดย

  • การผ่าตัดส่องกล้อง : เพื่อแก้ไขปัญหาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ซึ่งเป็นวิธีที่มีแผลผ่าตัดขนาดเล็กและฟื้นตัวได้เร็ว
  • การผ่าตัดเชื่อมกระดูกสันหลัง : สำหรับกรณีที่มีความไม่มั่นคงของกระดูกสันหลังหรือมีการเสื่อมสภาพรุนแรง การผ่าตัดนี้จะช่วยให้กระดูกสันหลังมีความมั่นคงและลดอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

วิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากอาการปวดหลัง

การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง

การออกกำลังกายที่ถูกวิธีเบื้องต้นที่จะทำให้เราป้องกันอาการปวดหลังในระยะได้ โดยจะเน้นไปการที่เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง การยืดกล้ามเนื้อหลังและสะโพกเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะใช้โยคะและพิลาทิสเป็นต้น

การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

การใช้ชีวิตประจำวันอย่างถูกต้องมีความสำคัญไม่แพ้การออกกำลังกาย เริ่มจากการปรับท่านั่งทำงานให้ถูกสุขลักษณะ ควรใช้เก้าอี้ที่รองรับสรีระร่างกายได้อย่างเหมาะสม และหลีกเลี่ยงการยกของหนักโดยไม่มีการเตรียมความพร้อมของร่างกาย การยืนและนั่งควรรักษาท่าทางให้หลังตรง และหลีกเลี่ยงการก้มคอเป็นเวลานาน

การดูแลและบรรเทาอาการด้วยวิธีธรรมชาติ

การประคบร้อนและเย็นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวด โดยการประคบร้อนจะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ส่วนการประคบเย็นจะช่วยลดการอักเสบ และการรับประทานอาหารที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ เช่น อาหารที่มีโอเมก้า-3 และการเสริมวิตามินดีและแคลเซียมก็มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก

ใช้อุปกรณ์เพื่อป้องกันอาการปวดหลัง

การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมมีส่วนสำคัญในการป้องกันอาการปวดหลัง ควรเลือกที่นอนที่มีความแน่นพอดี ไม่แข็งหรือนุ่มจนเกินไป และใช้หมอนที่รองรับศีรษะและคอได้อย่างเหมาะสม เพื่อช่วยให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวที่ถูกต้องขณะนอนหลับ

การควบคุมน้ำหนักตัว

การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยลดแรงกดทับที่กระดูกสันหลังต้องแบกรับ หากมีน้ำหนักเกิน ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อวางแผนการควบคุมน้ำหนักอย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการปวดหลังในระยะยาวได้

ทำไมอาการปวดหลังถึงอันตรายกว่าที่คิด

อาการปวดหลังไม่ใช่เพียงความทรมานชั่วคราว แต่ในหลายกรณีอาจเป็นสัญญาณเตือนของความผิดปกติร้ายแรงที่ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะเมื่อมีลักษณะ ปวดรุนแรงและต่อเนื่อง ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน กระดูกพรุน หรือแม้แต่เนื้องอกในกระดูกสันหลัง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่วินิจฉัยหรือรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รักษายากขึ้นในอนาคต อีกทั้งหากเรามีอาการปวดหลังที่มาพร้อมกับ อาการทางระบบประสาท เช่น ชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดร้าวลงขา หรือควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ ยิ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจเกิดจากการกดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลัง ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญเสียการทำงานของอวัยวะส่วนนั้นอย่างถาวร หรือจะเป็นอาการปวดที่ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ลุกเดินลำบาก นอนไม่หลับ หรือทำงานไม่สะดวก ไม่เพียงลดคุณภาพชีวิต แต่ยังก่อให้เกิดความเครียดสะสม และอาจพัฒนาเป็นโรคเรื้อรังทั้งทางกายและจิตใจได้ ดังนั้น การมองข้ามอาการปวดหลังเพียงเพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติจึงเสี่ยงต่อการปล่อยให้ปัญหาเล็กๆ ลุกลามจนเกินควบคุม การพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ รักษาอาการปวดหลัง อย่างถูกวิธีตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นทางออกที่ปลอดภัยและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่คาดไม่ถึงในระยะยาว


สรุป

อาการปวดหลังอาจเป็นสัญญาณเตือนที่ร่างกายส่งมาบอกเราว่าถึงเวลาต้องใส่ใจดูแลสุขภาพแล้ว แทนที่จะมองข้ามหรือปล่อยปละละเลย ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นหรือยัง? เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับท่าทางในชีวิตประจำวัน การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หรือการพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่เรียกว่า ปวดหลัง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ในอนาคต จำไว้ว่า สุขภาพที่ดีไม่มีขาย อยากได้ต้องสร้างเอง เริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ แล้วคุณจะพบว่าการมีหลังที่แข็งแรงนั้นเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตที่มีความสุขและมีคุณภาพ


บทความที่เกี่ยวข้อง
ผู้หญิงกำลังนั่งทำงานอยู่และมีอาการปวดคอ
พฤติกรรมการนั่งที่ไม่ถูกต้องอาจเป็นต้นเหตุของออฟฟิศซินโดรม มาปรับพฤติกรรมง่าย ๆ ด้วย 5 วิธี ที่ช่วยป้องกันอาการปวดหลังและลดความเสี่ยงจากออฟฟิศซินโดรม เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
17 เม.ย. 2025
ผู้ชายสูงวัยปวดหัวไหล่ด้านซ้าย
อาการปวดไหล่ที่ร้าวลงไหล่อาจเกิดจากการกดทับของเส้นประสาทจากกระดูกสันหลัง การรักษาที่เหมาะสมจะช่วยบรรเทาอาการปวดและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่อเนื่อง
17 เม.ย. 2025
ชายสูงอายุมีอาการปวดคอบ่าไหล่
อาการยืดแขนไม่ได้ ร้าวลงบ่า และปวดคอบ่าไหล่มีสาเหตุและอาการที่แตกต่างกัน การรักษาของแต่ละอาการก็ไม่เหมือนกัน การเข้าใจอาการที่เกิดขึ้นจะช่วยให้เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้
17 เม.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy