รู้จักจุดรองรับสมดุลร่างกาย ต้นเหตุของกระดูกคอเสื่อมและหลังเสื่อม
ปวดคอ ปวดหลัง ปัญหาที่หลายคนในยุคนี้เจอ แต่น้อยคนมากๆ เข้าใจกลไกลของต้นเหตุที่แท้จริง ซึ่งเป็นการทำงานของ จุดเล็กๆ ที่เรียกว่า จุดรองรับสมดุลร่างกาย คือแกนกลางที่ทำหน้าที่รองรับน้ำหนัก กระจายแรง และปกป้องโครงสร้างสำคัญของร่างกาย หากจุดนี้เกิดปัญหา ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหว แต่ยังอาจนำไปสู่ความเจ็บปวดเรื้อรังและข้อจำกัดในการใช้ชีวิตอีกด้วย บทความวันนี้โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์อยากจะพาทุกคนไปทำความรู้จักจุดรองรับสมดุลนี้ให้ดียิ่งขึ้น
จุดรองรับสมดุลร่างกายคืออะไร
จุดรองรับสมดุลร่างกาย หรือ Fulcrum Point หมายถึงจุดหมุนหรือจุดรองรับที่ทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการกระจายแรงและรักษาสมดุลในระบบโครงสร้างของร่างกาย เป็นจุดรองรับสมดุลร่างกายทำหน้าที่เป็นแกนกลางที่ช่วยกระจายแรงและรักษาสมดุลของโครงสร้างกระดูกสันหลัง ซึ่งกระดูกสันหลัง จุดรองรับนี้ทำหน้าที่คล้ายกับจุดหมุนของคานในทางฟิสิกส์ ที่ช่วยให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้ และสามารถรับน้ำหนักได้อย่างเหมาะสม โดยไม่เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ในระบบกระดูกสันหลัง จุดรองรับสมดุลที่สำคัญมักอยู่ในตำแหน่งของกระดูกสันหลังส่วนคอและส่วนเอว ซึ่งเป็นบริเวณที่ต้องรับน้ำหนักและแรงกดทับมากที่สุดในชีวิตประจำวัน
กลไกการทำงานของจุดรองรับสมดุลร่างกาย
จุดรองรับสมดุลร่างกายเป็นหลักการสำคัญในการทำงานของระบบกระดูกซึ่งประกอบด้วยข้อต่อหลายส่วนเรียงต่อกัน ทำหน้าที่เป็น แกนกลางรับน้ำหนัก และ ปกป้องเส้นประสาทไขสันหลัง รูปทรงโค้งตามธรรมชาติของกระดูกสันหลังช่วยกระจายแรงกดจากการเคลื่อนไหวหรือการรับน้ำหนัก และยืดหยุ่นรองรับการเคลื่อนไหวในทิศทางต่าง ๆ เช่น การก้ม เงย หรือบิดตัว โดยในทางกายภายภาพกระดูกสันหลัง จะทำงานร่วมกับกล้ามเนื้อ โดยกลไกการทำงานของจุดรองรับสมดุลร่างกายนี้จะอธิบายวิธีที่ร่างกายใช้ในการรักษาสมดุลในการเคลื่อนไหว โดยอาศัยหลักการทางฟิสิกส์ที่เรียกว่าระบบคาน (Lever System) ซึ่งประกอบด้วยจุดหมุน แรงกระทำ และน้ำหนักที่ต้องรับ
- จุดหมุน (Fulcrum) : คือข้อต่อต่างๆ ในร่างกาย เช่น ข้อต่อกระดูกสันหลัง ทำหน้าที่เป็นจุดหมุนในการเคลื่อนไหว
- แรงกระทำ (Effort) : คือแรงที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่งสร้างแรงดึงผ่านเส้นเอ็นที่ยึดติดกับกระดูก
- น้ำหนักที่ต้องรับ (Load) : คือน้ำหนักของส่วนต่างๆ ของร่างกายหรือวัตถุภายนอกที่ต้องเคลื่อนย้าย
สาเหตุของการเสียสมดุลที่จุดรองรับร่างกาย
1. อายุและความเสื่อมตามธรรมชาติ
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น โครงสร้างร่างกายค่อยๆ สูญเสียความยืดหยุ่นตามธรรมชาติ โดยเฉพาะหมอนรองกระดูกและข้อต่อสันหลังที่บางลง เกิดการเสื่อมสภาพ (Degenerative Disc Disease) ทำให้ช่องว่างระหว่างข้อต่อแคบลง ส่งผลให้จุดรองรับร่างกายรับน้ำหนักไม่สมดุล เกิดแรงกดทับเส้นประสาท และนำไปสู่อาการปวดคอ-หลังเรื้อรังได้
2. พฤติกรรมการใช้ชีวิตและท่าทางไม่เหมาะสม
การนั่งทำงานนานๆ ในท่าผิดปกติ เช่น นั่งหลังค่อม ก้มหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนติดต่อกันหลายชั่วโมง ส่งผลให้กล้ามเนื้อคอและหลังเกร็งตัว เกิดภาวะ Office Syndrome เร่งให้กระดูกสันหลังเสื่อมก่อนวัย หรือการยกของหนักหรือทำกิจกรรมซ้ำๆ โดยไม่ระวังท่าทาง เช่น การบิดตัวกะทันหัน ทำให้หมอนรองกระดูกรับแรงกระแทกจนเสื่อมหรือเคลื่อนตัวกดทับเส้นประสาท
3. ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน
น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นสร้างแรงกดต่อกระดูกสันหลังส่วนล่างมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ทำให้ช่องสันหลังตีบแคบ และเร่งการเสื่อมของกระดูกและข้อต่อ
4. การบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ
อุบัติเหตุรุนแรง เช่น การหกล้ม ถูกกระแทกบริเวณคอหรือหลัง อาจทำให้โครงสร้างกระดูกสันหลังผิดรูป หมอนรองกระดูกฉีกขาด หรือเส้นประสาทได้รับความเสียหาย ส่งผลให้สมดุลการรับน้ำหนักของร่างกายเปลี่ยนแปลงถาวร
5. ปัจจัยเสริมอื่นๆ ที่เพิ่มความเสี่ยง
- การสูบบุหรี่ : ลดการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงหมอนรองกระดูก ทำให้เนื้อเยื่อขาดสารอาหารและเสื่อมเร็ว
- พันธุกรรม : บางครอบครัวมีแนวโน้มโครงสร้างกระดูกอ่อนแอตั้งแต่กำเนิด
- ขาดการออกกำลังกาย : กล้ามเนื้อแกนกลาง (Core Muscle) อ่อนแรง ไม่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระจากกระดูกสันหลังได้

ผลกระทบต่อกระดูกคอเสื่อมและหลังเสื่อม
โดยทั่วไปแล้วอาการกระดูกคอเสื่อมและกระดูกหลังเสื่อมเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ แต่ในปัจจุบันมีการเกิดในผู้ที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีที่มากขึ้น การนั่งทำงานเป็นเวลานาน และการขาดการออกกำลังกายที่เหมาะสม หากในกรณีที่เป็นหนัก ผู้มีอาการอาจเคลื่อนไหวได้จำกัด ทำให้กิจวัตรประจำวันเป็นเรื่องยากขึ้น โดยความเจ็บปวดที่เรื้อรังสามารถนำไปสู่ความเครียดหรือภาวะซึมเศร้าได้ ผู้ที่มีภาวะกระดูกคอเสื่อมมักมีอาการที่หลากหลาย ซึ่งมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก โดยอาการที่พบได้บ่อยมีดังต่อไปนี้
- อาการปวดหลังเรื้อรัง โดยเฉพาะบริเวณหลังส่วนล่าง ซึ่งอาจมีลักษณะปวดตื้อๆ หรือปวดเสียวแทงเป็นจังหวะ
- อาการปวดร้าวลงขา (sciatica) เนื่องจากมีการกดทับเส้นประสาทไซแอติก ทำให้มีอาการปวดร้าวจากสะโพกลงไปตามต้นขา น่อง จนถึงเท้า
- อาการชาหรือรู้สึกเสียวซ่านตามขาหรือเท้า
- ความยืดหยุ่นของหลังลดลง ทำให้ก้มหรือเอี้ยวตัวได้ลำบาก
- อาการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อหลัง โดยเฉพาะในช่วงเช้าหลังตื่นนอนหรือหลังจากนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน
- อาการอ่อนแรงของขาในกรณีที่มีการกดทับเส้นประสาทรุนแรง
- อาการผิดปกติของการควบคุมการขับถ่าย ในกรณีที่มีการกดทับเส้นประสาทบริเวณก้นกบอย่างรุนแรง ซึ่งถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันที
วิธีการรักษาและฟื้นฟูสมดุลของจุดรองรับร่างกาย
การรักษาจุดรองรับร่างกายที่มีปัญหามีหลายทางเลือก ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและการตอบสนองต่อการรักษา การผ่าตัดถือเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อวิธีการรักษาอื่นๆ ไม่ประสบผลสำเร็จ แพทย์จะพิจารณาอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วย
การใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงเพื่อระงับการนำสัญญาณความปวด
การรักษาด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง วิธีนี้ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงในการระงับการนำสัญญาณความปวดจากเส้นประสาท การรักษาด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรังและไม่ตอบสนองดีต่อการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ โดยแพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กและคลื่นวิทยุในการรักษาอย่างแม่นยำ
การรักษาทางกายภาพบำบัด
การรักษาทางกายภาพบำบัดเป็นวิธีการพื้นฐานที่สำคัญในการฟื้นฟูสมดุลของจุดรองรับร่างกาย โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและปรับปรุงการเคลื่อนไหว นักกายภาพบำบัดจะออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายเฉพาะบุคคล เพื่อฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อแกนกลางของร่างกาย ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสมดุลของจุดรองรับต่างๆ และมีการใช้เครื่องมือทางกายภาพเพิ่มเติม เช่น ช็อกเวฟ (Shock Wave) เลเซอร์กำลังสูง หรืออัลตราซาวด์ เพื่อช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด
เทคนิคการปรับท่าทางที่ถูกต้อง
การปรับท่าทางที่ถูกต้องเป็นส่วนสำคัญในการรักษาและป้องกันปัญหาที่เกิดกับจุดรองรับร่างกาย นักกายภาพบำบัดจะแนะนำวิธีการยืน เดิน นั่ง และนอนที่ถูกต้อง รวมถึงเทคนิคการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมในชีวิตประจำวัน การปรับท่าทางที่ถูกต้องช่วยลดแรงกดทับที่ไม่จำเป็นบนจุดรองรับต่างๆ ทำให้ลดการเสื่อมและการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
การรักษาด้วยยาและการฉีดยา
การรักษาด้วยยาและการฉีดยาเป็นวิธีการบรรเทาอาการปวดและการอักเสบที่เกิดขึ้นที่จุดรองรับร่างกาย เช่นการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าข้อต่อกระดูกสันหลัง ซึ่งช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้ การฉีดยาจะต้องกระทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้การควบคุมด้วยเครื่องมือและวิธีทางการแพทย์ เพื่อให้แน่ใจว่ายาถูกฉีดเข้าตำแหน่งที่ถูกต้อง
สรุป : เราสามารถป้องกันต่อการเสียสมดุลได้อย่างไร
การตระหนักถึงความสำคัญของจุดรองรับสมดุลร่างกายเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและชะลอการเสื่อมของกระดูกคอและหลังเสื่อม โดยเริ่มจากการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงานในท่าที่ถูกต้อง ยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุก 1 ชั่วโมง จัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเช่น การสะบัดคอหรือยกของหนักผิดวิธี ฯลฯ ควบคู่กับการออกกำลังกายเพิ่มเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง (โยคะหรือพิลาทิส) เพิ่มเติมคือเราต้องควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมเพื่อลดแรงกดทับบนกระดูกสันหลังด้วย โรงพยาบาลเซเปี้ยนซ์ขอฝากเพิ่มเติมว่าการเฝ้าระวังอาการผิดปกติตั้งแต่ระยะแรกจะป้องกันอาการเรื้อรังได้ หากเริ่มมีอาการเราแนะนำให้เข้าปรึกษาแพทย์เพื่อให้วางแผนการรักษาได้ทันท่วงที นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว